ตำนานไม้เท้าแห่งแอสคูลาปิอุส สัญลักษณ์แห่งการแพทย์
ตำนานไม้เท้าแห่งแอสคูลาปิอุส สัญลักษณ์แห่งการแพทย์
ซุสนั้นมีโอรสอยู่องค์หนึ่งนามว่า
"อพอลโล" หรือที่เรารู้จักกันในอีกนามคือ เทพสุริยะ
หรือเทพเจ้าแห่งสัจจะและความซื่อตรง
เมื่อยังเยาว์วัยอพอลโลเที่ยวไปตามแว่นแคว้นต่าง ๆ ทางทิศเหนือของประเทศกรีซ
จนถึงแคว้นเธสซาลีซึ่งเป็นดินแดนของชนชาติไฮเพอร์โบเรียน ในแคว้นเธสซาลีมีสาวเจ้าคนหนึ่งหน้าตาสละสลวย
งดงามยิ่งนัก ชื่อว่า โครอนนิส (Coronis) เป็นธิดาเจ้าแห่งแคว้นนั้น
อพอลโลก็รู้สึกรักใคร่ชอบพอนางโดยทันที
ท้ายที่สุดอพอลโลผูกสมัครรักใคร่ได้เสียกับนางจนตั้งครรภ์
และได้เดินทางกลับเทือกเขาโอลิมปัสไป แต่เทพอพอลโลก็มิได้ทอดทิ้งนาง
โดยส่งนกดุเหว่าสีขาวบริสุทธิ์หนึ่งตัวไว้คอยดูแลนาง แต่กลับปรากฎว่า
โครอนนิสกลับเป็นหญิงหลายใจไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่รัก แอบไปคบชู้กับชายอื่น
นกดุเหว่าจึงกลับไปบอกอพอลโลนายของตนให้ทราบเรื่อง
เมื่อทราบข่าวอพอลโลโกรธมากและบันดาลโทสะ สาปเจ้านกดุเหว่าให้มีขนสีดำตลอดไปโทษฐานเอาข่าวอัปมงคลมาบอก
และได้เดินทางเพื่อไปลงทัณฑ์โครอนนิสด้วยตนเอง
แต่ปรากฎว่าเมื่อไปถึงกลับทำนางไม่ลง จึงให้ "เทพอาร์ทีมิส Artemis"
ซึ่งเป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์ผู้เป็นที่เคารพรักของเหล่านายพรานเป็นคนลงมือแผลงศรปลิดชีวิตของนาง
แต่หลังจากนางโครอนนิสตาย
อพอลโลก็รู้สึกผิดและเสียใจต่อการกระทำของตนมาก
จึงใช้พลังช่วยชีวิตบุตรของตนซึ่งจวนครบกำหนดคลอด และนำไปฝากให้ไครอน(Chiron)ซึ่งเป็นเซนทอร์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้
เป็นผู้เลี้ยงดูและประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ และขนานนามบุตรของตนเองว่า
แอสคูลาปิอุส(Aesculapius) ไครอนนี้เป็นอาจารย์ผู้ปราดเปรื่อง
เชี่ยวชาญในศาสตร์วิชาการต่าง ๆ มีวิชาดนตรี เภสัชกรรมวิทยา และวิชาธนูศิลป์
เป็นต้น เป็นที่นับถือของชาวกรีกโบราณว่า
เป็นผู้สอนมนุษย์ให้รู้จักใช้พืชสมุนไพรทำยา และเป็นอาจารย์ของวีรบุรุษคนสำคัญ ๆ
ในเทพปกรณัมมากมาย เช่น อคิลีส , เฮอร์คิวลีส , เจสัน , พีลูส , อีเนียส และคนอื่น ๆ อีก,มากมาย เป็นเด็กฉลาดเฉลียวมีความเข้าใจแตกฉานและเป็นที่รักของอาจารย์อย่างยิ่ง
วิชาที่เขาใส่ใจศึกษาที่สุดได้แก่ โรคศิลป์ เพราะฉะนั้นเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขี้น
เขาจึงกลายเป็นหมอบำบัดโรคผู้มีความสามารถยิ่ง
ความสามารถในการบำบัดโรคของแอสคูลาปิอุสนั้นเก่งกาจยิ่งกว่าอาจารย์ของเขามาก
ด้วยว่าสามารถบำบัดโรคและความป่วยไข้ได้ทุกชีวิต ซึ่งแม้แต่ไครอนเองก็ทำไม่ได้
ในไม่ช้าชื่อเสียงของแอสคูลาปิอุสก็เลื่องลือไปไกล
ไม่ว่าใครจะเจ็บไข้ได้ป่วยหนักหนาสาหัสหรือเล็กน้อย ถ้าได้รับการบำบัดจากเขาแล้วอาการก็จะทุเลาลงอย่างรวดเร็ว
จนกล่าวว่าหายวันหายคืนเลยทีเดียว ผู้คนพากันไปขอรับการบำบัดโรค ณ
สถานบำบัดโรคของเขาจากทุกสารทิศ
การที่งูมาเกี่ยวข้องกับแอสคูลาปิอุส
มีเรื่องเล่าอยู่ว่าขณะที่เขากำลังรักษาผู้เจ็บป่วยในสถานบำบัดโรคของเขา
ก็มีงูตัวหนึ่งเลื้อยเขามาและกัดทำร้ายผู้ป่วย
เขาจึกตัดสินใจใช้ไม้เท้าทุบฆ่ามันจนตาย และรักษาผู้ถูกมันกัดจนหายดี
จากนั้นเขาก็ได้ใช้สมุนไพรชุบชีวิตเจ้างูตัวนั้นขึ้นมา
เจ้างูตัวนั้นจึงสำนึกในบุญคุณและเลื้อยขึ้นมาพันไม้เท้าของเขาและยอมเป็นผู้รับใช้ในการรักษาโรคของแอสคูลาปิอุส
ภาพไม้เท้าที่มีงูพันหนึ่งตัวจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์และการรักษา
แสดงถึงจริยธรรมอันแนวแน่ของแพทย์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น